Sort by
Sort by

สลัดความง่วงเหงาหลังมื้อกลางวัน

สลัดความง่วงเหงาหลังมื้อกลางวัน
หนังท้องตึงหนังตาหย่อน คือวลีที่จริงแท้ที่สุดยามบ่าย หลังจัดการกับมื้อกลางวันเต็มอิ่ม เพียงไม่กี่ชั่วโมงให้หลัง (โดยเฉพาะช่วงบ่าย 2-3 โมงจะเห็นผลชัดเจนที่สุด) อาการสะลึมสะลือและเฉื่อยชาจะเริ่มครอบงำสติสัมปชัญญะให้ทำงานช้าลงเรื่อยๆ จนบางครั้งก็ยากเกินกว่าที่คุณจะฝืนทนทำงานต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อาการดังกล่าวเกิดจาก 2 สาเหตุหลักคือ ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองลดลง และระดับน้ำตาลในเลือดลดลง ทำให้เซลล์สมองทำงานต่อไปไม่ไหว เกิดการปิดตัว ไม่รับคำสั่ง ทำให้เกิด
อาการอ่อนเพลียและง่วงเหงาหาวนอนขึ้น ซึ่งถือเป็นจังหวะชีวิตที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติของร่างกายอยู่แล้ว เห็นได้ชัดในวัฒนธรรมการนอนกลางวันของบางประเทศในแถบยุโรปที่ชี้ชัดว่าการง่วงยามบ่ายอยู่คู่มนุษย์มาทุกยุคทุกสมัย แต่สำหรับหนุ่มสาววัยทำงาน รวมถึงน้องๆ นักเรียนนักศึกษาที่จำเป็นต้องทำงานหรือเรียนหนังสือในช่วงบ่าย คงต้องหาตัวช่วยในการขจัดอาการง่วงทิ้งไป ถ้าไม่อยากให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ลองเริ่มฏิบัติตามวิธีดังต่อไปนี้ เพื่อคืนความสดใสสู่ชีวิตยามบ่ายให้กระปรี้กระเปร่าและทรงพลังยิ่งขึ้น

วิธีแรก คือ เตรียมตัวล่วงหน้ามาก่อนตั้งแต่ยามค่ำคืน ด้วยการเข้านอนในช่วงเวลาที่ร่างกายต้องการการพักผ่อนนั่นคือ ช่วง 4 ทุ่ม เพราะเป็นเวลาที่ร่างกายจะเริ่มทำการซ่อมแซมตัวเองได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ต้องนอนอย่างมีคุณภาพโดยหลับให้สนิทต่อเนื่องนาน 6 - 8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายมีการพักผ่อนและชาร์จแบตชีวิตให้เต็มเปี่ยมพร้อมลุยทุกกิจกรรมระหว่างวัน การตื่นเร็วเกินไปหรือนอนน้อยเกินไปจะทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยล้าในช่วงบ่ายเร็วขึ้น

วิธีที่สอง พยายามหลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันมากในมื้อกลางวัน โดยเฉพาะของทอด เนย และชีส เพราะแม้อาหารหวานมันจะช่วยให้คุณรู้สึกมีพลังเพิ่มขึ้น แต่พลังงานเหล่านั้นจะถูกเผาผลาญหมดไปอย่างรวดเร็ว จนทำให้เกิดอาการง่วงล้าได้ ควรรับประทานอาหารที่ย่อยช้าๆ ค่อยๆปลดปล่อยพลังงาน เช่น อาหารที่มีใยอาหารสูง อย่าง ข้าวกล้อง ผัก ถั่วต่างๆ เพราะจะทำให้คุณอิ่มนาน ไม่หิวง่ายในช่วงบ่ายๆ ถ้าอยากเสริมความหวานหลังมื้อเที่ยง แนะนำให้ทานผลไม้เพื่ออิ่มเอมกับรสหวานจากธรรมชาติ พร้อมรับประโยชน์จากใยอาหาร วิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ที่ธรรมชาติสร้างสรรค์มาเพื่อคุณ

วิธีที่สาม ควรเลือกทานอาหารที่มีธาตุเหล็ก โปรตีน (มีในอาหารทะเล ไก่ เนื้อ เต้าหู้ ถั่ว รวมถึงผักและผลไม้) และคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (หมายถึง อาหารประเภทแป้งที่ร่างกายต้องใช้เวลาในการย่อย อาทิ ข้าวกล้อง ข้าวโพด ลูกเดือย ขนมปังโฮลวีท เป็นต้น) เพราะธาตุเหล็กจะช่วยให้ร่างกายผลิตฮีโมโกลบินที่จำเป็นต่อการนำพาออกซิเจนไปทั่วร่างกายเพื่อเพิ่มพลังงาน ส่วนคาร์โบไฮเดรตจะช่วยนำพาน้ำตาลกลูโคสไปสู่ร่างกายเช่นกัน เท่ากับการเติมเชื้อเพลิงชั้นดีให้แก่การทำงานในส่วนต่างๆ ของร่างกาย

วิธีที่สี่ จำกัดปริมาณอาหารมื้อเที่ยงเพื่อไม่ให้ทานมากเกินไป การย่อยอาหารมื้อใหญ่จะส่งผลให้ร่างกายเกิดความเหนื่อยล้า พยายามทานอาหารเที่ยงในปริมาณไม่มากนัก และหาของว่างทานเล่นระหว่างวันทั้งช่วงเช้าและบ่าย เพื่อช่วยให้ร่างกายมีระดับน้ำตาลในปริมาณที่สมดุลสม่ำเสมอตลอดวัน

วิธีที่ห้า ลองทิ้งช่วงเวลาสัก 15 นาทีหลังทานมื้อเที่ยงเสร็จ แล้วเดินอย่างกระฉับกระเฉงสักหนึ่งรอบตึกก่อนกลับไปยังโต๊ะทำงาน เดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟท์ หรือพยายามหาทางออกกำลังกายเบาๆ ในออฟฟิศให้ได้ เช่น การยืดเส้นยืดสายโดยแยกขาออก กางแขนขึ้น-ลง บิดตัว เป็นต้น ที่สำคัญคือ ควรสิ้นสุดแต่ละเซตของการออกกำลังกายด้วยการฝึกหายใจเพื่อเพิ่มปริมาณออกซิเจนในเลือดให้เพิ่มพลังงานแก่ร่างกาย

วิธีที่หก ถ้าเป็นไปได้ควรหาเวลางีบหลับสักพัก โดยตั้งนาฬิกาปลุกบนโทรศัพท์มือถือเอาไว้ สัก 15-20 นาที เพื่อให้ร่างกายไม่ฝืนจนเกินไป และปล่อยให้ออกซิเจนได้ไปเลี้ยงสมองชั่วครู่ เพื่อเรียกพลังกลับคืนมา

วิธีสุดท้าย หากาแฟดื่มสักแก้ว เพื่อให้คาเฟอีนช่วยกระตุ้นร่างกายให้เกิดความกระปรี้กระเปร่าเป็นการกระตุ้นประสาทได้ดี แนะนำว่าเพื่อความสะดวกสบายสำหรับชีวิตคนทำงานควรพกกาแฟประเภท 3 in 1 ติดตัวไว้เสมอเพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินหากาแฟในขณะที่ง่วงจัด อีกทั้งความกลมกล่อมของรสชาติที่ถูกผสมผสานกันมาอย่างลงตัวจะทำให้คุณได้รสชาติที่พอดีโดยไม่ต้องปรุงแต่งให้วุ่นวาย และหลังจากดื่มกาแฟแล้วควรดื่มน้ำตามเป็นพักๆ เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำให้แก่ร่างกาย เพราะอวัยวะทุกส่วนต้องการน้ำเพื่อการทำงานที่สมบูรณ์ อีกทั้งการง่วงคือสัญญาณที่บ่งบอกว่าร่างกายกำลังขาดน้ำ ถ้าคุณดื่มน้ำไม่เพียงพอหลังมื้อกลางวัน อาการง่วงเหงาหาวนอนจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แนะนำให้รินน้ำเย็นในแก้วใบโต หั่นเลมอนชิ้นบางๆ ลงไป หรือบีบมะนาวเล็กน้อยก่อนดื่ม เพิ่มความสดชื่นได้ผลทันตาเห็น